นี่คือ “การประมาณการ GDP ไทย” หักปากกาเซียนมาตั้งแต่ปี 2566 ที่คาดว่าจะขยายตัว three.5% “ด้วยสงครามอิสราเอล–ฮามาส” มีผลต่อการส่งออกซึมตัวกระทบเศรษฐกิจไทยหดลงเหลือ 2.5% ดังนั้นในปี 2567 “ต้องลุ้นโครงการดิจิทัลวอลเล็ต” ถ้าเกิดขึ้นได้จริงจะมีส่วนดัน…
สรุปแล้ว เศรษฐกิจไทยในปี 2567 มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นจากปีก่อน แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความท้าทายจากปัจจัยลบนอกประเทศที่นับวันจะยิ่งซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น รวมถึงข้อจำกัดจากปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศที่ยังเป็นอุปสรรคในการเติบโตอย่างยั่งยืน โจทย์สำคัญคือ New Engine of Growth ที่จะยกระดับเศรษฐกิจไทยคืออะไร คงต้องหาคำตอบกันต่อไป… ทั้งนี้ ธปท.คาดการณ์ด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะมีแนวโน้มปรับตัวลดลง โดยในปี 66 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3% กลับเข้ามาสู่กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อในไตรมาสที่ three ของปี sixty six และจะลดลงต่อเนื่องในปี 67 ซึ่ง ธปท.คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.1% โดยราคาน้ำมันดิบดูไบมีแนวโน้มลดลงในปี 2567 จากปริมาณการผลิตกลุ่มนอน-โอเปกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และการส่งออกน้ำมันของรัสเซียที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน หลังปรับเปลี่ยนเส้นทางการค้าเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร. รวมทั้งพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปหลังโควิดยังช่วยสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การขนส่ง และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมที่น่ากังวลคือรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ที่ยืดเยื้อ ราคาวัตถุดิบสูง และแนวโน้มการใช้รถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้อุตสาหกรรมเหล็กยังประสบปัญหาราคาต้นทุนสูง ซึ่งทั้งการบริโภคและการนำเข้าของผลิตภัณฑ์เหล็กสำเร็จรูปต่างหดตัวลง 23% ในตุลาคม 2565 (YoY) ตามข้อมูลจากสลท.
มีการคาดหมายกันว่า รัฐบาลเศรษฐาน่าจะมีการปรับ ครม.ครั้งแรกช่วง พ.ค.-มิ.ย.ปีหน้า เพราะบุคลิกการเมืองของ ทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจทั้งหมดของรัฐบาล จะนิยมปรับ ครม.ภายในช่วง 6-8 เดือน ซึ่งรัฐบาลเศรษฐา เมื่อไปถึงช่วง พ.ค.2567 ก็ถือว่าครบ eight เดือนแล้ว ทำให้มีโอกาสสูงที่จะมีการปรับ ครม. ต่อมา “อุปราคาเกิดราศีมีน 2 ครั้งในธาตุน้ำ” บางช่วงมีฝนตกมากจนเกิดอุทกภัย มีการจมน้ำตาย อุบัติเหตุการท่องเที่ยวทางน้ำ ความยุ่งยากอาชีพที่เกี่ยวกับน้ำหรือของเหลว และภัยจากการเจ็บป่วยโรคระบาดอย่าง สุริยุปราคาเต็มดวงวันที่ 8 เม.ย.พาดผ่านราหูในดวงเมือง ตัวแทนผู้ปกครองราศีกุมภ์จะมีความยุ่งยากในรัฐสภา สส. การเมืองไทยปีมังกรทอง 2567 เหลียวหลังแลหน้า ประเมินสถานการณ์รอบทิศแล้ว ชี้ชัดๆ ได้ว่าร้อนแรง เป็นมังกรทองพ่นไฟให้ได้เห็นกัน. ไล่ตั้งแต่ คดีการถือครองหุ้นของศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม ที่ปัจจุบันเป็นเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ที่จะอ่านคำวินิจฉัยวันที่ 17 ม.ค.2567 ตามด้วยคดีหุ้นสื่อไอทีวีของพิธา ที่นัดอ่านคำวินิจฉัยวันที่ 24 ม.ค.
แม้นักท่องเที่ยวจีนจะยังคงฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด แต่ไทยยังคงเป็นจุดหมายยอดนิยมของชาวจีน และหวังที่จะเห็นการฟื้นตัวปีนี้ เราเห็นว่า ตัวเลขประมาณการต่างๆ จากหลายสำนักฯ ที่ออกมา ก็เป็นเพียงการคาดเดาที่เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า จะมีวิกฤติใหม่ๆ อะไร ผุดขึ้นมาแบบที่เราไม่ทันตั้งรับอีกหรือไม่ เป็นโจทย์สำคัญที่รัฐบาลต้องมองสถานการณ์ให้ขาด เตรียมกระสุนรับมือไว้ให้ดี… นี่คือ “การประมาณการ GDP ไทย” หักปากกาเซียนมาตั้งแต่ปี 2566 ที่คาดว่าจะขยายตัว 3.5% “ด้วยสงครามอิสราเอล–ฮามาส” มีผลต่อการส่งออกซึมตัวกระทบเศรษฐกิจไทยหดลงเหลือ 2.5% ดังนั้นในปี 2567 “ต้องลุ้นโครงการดิจิทัลวอลเล็ต” ถ้าเกิดขึ้นได้จริงจะมีส่วนดัน GDP โตเพิ่มขึ้น 1–1.3%ได้อีก… โดยการที่ไทยรับแรงงานลาวเข้ามาทำงานในภาคส่วนงานที่คนไทยไม่นิยมทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผลิตและจำหน่ายอาหาร งานบริการ งานบ้าน และการเกษตรนั้น อาจเป็ยนการช่วยลดต้นทุนการผลิตและบริการ ทำให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดได้ดีขึ้น และเติมเต็มช่องว่างในตลาดแรงงานไทยที่ไม่อยากทำงานในบางประเภทได้. หลังจากนั้นอีก 2 วัน กระทรวงกลาโหมอิสราเอลสั่ง “ปิดล้อม” ฉนวนกาซาอย่างสมบูรณ์ พร้อมหยุดส่ง “พลังงานไฟฟ้า อาหาร และเชื้อเพลิง” ทั้งหมด ท่ามกลางปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายกลุ่มฮามาสในกาซาที่ยังดำเนินอย่างต่อเนื่อง โดยอิสราเอลเปิดการโจมตีทางอากาศและระดมทิ้งระเบิดอย่างหนักเพื่อตอบโต้ฮามาสเป็นเวลาถึง three สัปดาห์ ก่อนเริ่มขยายปฏิบัติการภาคพื้นดินเข้าไปในฉนวนกาซาเมื่อวันที่ 28 ต.ค. นี่คือคำทำนายตามหลักโหราศาสตร์ชี้ “สถานการณ์การเมืองไทย 2567” แล้วเชื่อว่าหากทุกคนพร้อมใจกัน “กระทำเพื่อประโยชน์สังคมและประเทศชาติ” ก็จะสามารถนำพาบ้านเมืองไปสู่อนาคตที่ดีได้. ซึ่งอาจนำไปสู่การสะสมปัญหาความไม่สมดุลของเศรษฐกิจในอีกรูปแบบหนึ่ง ดังนั้น ทุกภาคส่วนควรร่วมกันช่วยเสริมสร้างสมดุลใหม่ให้กับเศรษฐกิจไทย เพื่อบรรเทาผลกระทบจากข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง ต่อระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทยในอนาคต.